อ่านแล้ว 33 ครั้ง

โครงการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ 2568

โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจและเกิดอาหารไอ ที่มีลักษณะพิเศษคือ ไอซ้อน ๆ ติด ๆ กัน 5-10 ครั้ง หรือมากกว่านั้นจนเด็กหายใจไม่ทัน จึงหยุดไอและมีอาการหายใจเข้าลึก ๆ เป็นเสียง วู๊ป (Whooping cough) สลับกันไปกับการไอเป็นชุด ๆ  จึงมีชื่อเรียกว่า “โรคไอกรน” บางครั้งอาหารอาจจะเรื้อรังนานเป็นเวลา 2-3 เดือน โรคอกรนเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จาม รดกันโดยตรง ผู้ที่สัมผัสโรคที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะติดเชื้อและเกิดโรคเกือบทุกราย โรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากผู้ใหญ่ในครอบครัว ซึ่งมีการติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ (carrier) หรือมีอาการไม่มาก      โรคไอกรมเป็นได้กับทารกตั้งแต่แรกเกิด ทั้งนี้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่ผ่านลูกไม่ได้หรือได้น้อยมาก ในเด็กเล็กอาการจะรุนแรงมากและอัตราการเสียชีวิตสูง ส่วนใหญ่ของผู้ที่มีอาการรุนแรงและเสียชีวิต เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และเป็นเด็กที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน โดยทั่วไปแล้ว โรคนี้เป็นได้ทุกช่วงอายุ ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่ในวัยหนุ่มสาว หรือวัยผู้ใหญ่อาจไม่มีอาการ หรือไม่มีอาการแบบไอกรน ส่วนใหญ่จึงไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไอกรนในประเทศไทยอุบัติการณ์ของโรคไอกรนลดลง ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มระดับความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก อย่างไรก็ตาม ยังพบโรคนี้ได้ประปรายในชนบท และพบในเด็กอายุเกิน 5 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน พบว่าการระบาดเป็นครั้งคราวในเด็กนักเรียนระดับชั้นประถม ซึ่งมีระยะฟักตัวของโรคประมาณ 6-20 วัน ที่พบบ่อย 7-10 วันถ้ามีการสัมผัสโรคมาเกิน 3 สัปดาห์แล้วไม่มีอาการ แสดงว่าไม่ติดโรค ประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคไอกรนในระบบรายงานสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 22 พฤศจิกายน 2566 จำนวน 93 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย สำหรับเขตสุขภาพที่ 1 จังหวัดลำปาง อำเภองาว ปี 2567 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพร้าว ตำบลปงเตา จากประชากรในพื้นที่ 6,866 ราย ไม่พบผู้ป่วยโรคไอกรน (ข้อมูลจาก https://hdcservice.moph.go.th/) และเพื่อเป็นการป้องกันโรคไอกรน ในพื้นที่ตำบลปงเตา จึงจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์และป้องกันโรคไอกรน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไอกรน เป็นแนวทางนากรป้องกันโรคและสามารถปฏิบัติตัวได้ถูกต้องในกรณีเกิดโรคไอกรน และสามารถป้องกันเพื่อไม่ให้ติดเชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้



วันที่ 06 มกราคม 2568 เวลา 15:14 น.